คุณธรรม 12 ประการ

คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง

ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย

คุณยายพูดน้อย แต่ทุกถ้อยคำนั้นล้ำค่า เป็นถ้อยคำแห่งความเมตตา และเป็นถ้อยคำของผู้ที่รู้จริงเพราะคุณยายเริ่มต้นด้วยการสอนตนเอง ฝึกฝนตนเองในทุกสิ่ง นับจากธรรมปฏิบัติอันละเอียดลึกซึ้งไปจนถึงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน ท่านสามารถทำให้ทุกย่างก้าวในชีวิตของท่าน ดำเนินไปอย่างสอดคล้องกับธรรมะ ไม่ว่าท่านจะทำอะไรสิ่งนั้นเป็นไปเพื่อมรรคผลนิพพานได้ทั้งสิ้น และเมื่อฝึกฝนค้นคว้าจนแจ่มแจ้งแล้ว จึงได้นำความรู้นั้นมาสั่งสอนศิษย์

คุณธรรม 12 ประการ

บริสุทธิ์ กาย วาจา ใจ

คือคุณธรรมข้อแรกที่คุณยายเน้น ท่านบอกว่าคนที่จะรองรับธรรมะละเอียดของวิชชาธรรมกายได้ หรือจะสร้างบารมีไปได้ตลอดรอดฝั่ง เป็นเสาเข็มคุณธรรม ก็คือ ความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ นี่เป็นสิ่งสำคัญมาก สิ่งสำคัญอย่างแรกของนักสร้างบารมี และก็เป็นคำอธิษฐานจิต ลำดับแรกสุดที่หลวงพ่อและคุณยายท่านอธิษฐานตลอดเลยที่เป็นอย่างนี้ ให้มีความบริสุทธิ์กายวาจาใจ เกิดจากการนั่งธรรมะ เกิดจากการหยุดนิ่ง แล้วก็คุณยายท่านบอกว่าคนที่จะไปกับยายได้จะต้องมีใจสะอาด ใจสะอาดจึงจะสร้างบารมีไปได้ตลอด

ซื่อสัตย์ ซื่อตรง

คุณยายบอกว่าซื่อสัตย์ นอกจากซื่อสัตย์ต่อคนอื่นแล้วยังต้องซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ไม่โกงตัวเองไม่หลอกตัวเอง เพราะว่าบางทีในใจมีกิเลสอะไร ถ้าเราไม่ซื่อต่อตัวเองโกงตัวเอง เรามีเหตุผลในการที่จะทำไม่ดีอย่างนั้น แต่คุณยายท่านย้ำว่า ทุกคืนยายจะทบทวนก่อนนอนว่าวันนี้คุณยายทำความดีอะไรมาบ้าง และกลับมาดูข้อบกพร่องของตนเอง แล้วแก้ไขข้อบกพร่องของตนเองให้ได้
 ความซื่อสัตย์เป็นลักษณะที่เด่นมากของคุณยาย อยู่ใกล้ยายจะทราบได้เลยว่าคุณยายท่านซื่อมากเลย แค่คำพูดของท่าน คำพูดของท่านจะซื่อ และก็ตรง สั้น ง่ายๆ ไม่อ้อมค้อม ไม่ลดเลี้ยว และก็ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม คุณยายท่านบอกว่าคนซื่อเวลานั่งสมาธิจะเข้ากลางได้ถูกต้องไม่เคลื่อนกลาง ไม่แฉลบ และรู้ญาณแม่นยำ

 คุณยายท่านเป็นคนที่จริงใจ คือซื่อและจริงใจมักจะไปคู่กัน ท่านจะมีความเมตตากับจริงใจ และปรารถนาดีต่อทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนชั้นสูงชั้นไหนท่านเมตตา ท่านก็บอกว่าถ้าหากเราซื่อด้วย บริสุทธิ์ด้วยมันจะเป็นตัวคัดว่าเราจะคบคนที่ซื่อและบริสุทธิ์ เพราะว่า คนที่เป็นพาลเขาจะเข้าใกล้เราไม่ได้ คนพาลก็คือคนไม่ซื่อ ไม่บริสุทธิ์ คุณยายบอกว่า ยายจะอธิษฐานเลยยิ่งช่วงหลังๆ ที่สร้างวัดมาใกล้จะเสร็จแล้ว ยายจะเจอประสบการณ์มามากเพราะเจอคนพาล พวกเราต้องอธิษฐานนะ ยายอธิษฐานทุกวันเลยว่า ขออย่าได้เจอคนพาล ขอให้คนพาลเข้าใกล้ยายไม่ได้เลย เจอก็ให้ห่างไกลเพราะว่าคนพาลจะทำให้หมู่คณะปั่นป่วนหมด

ขยันเอาบุญทุกอย่าง

       ท่านมักจะกล่าวอยู่เสมอว่า… “ยายกลัวอยู่อย่างเดียวว่า บุญจะน้อย ยายรักบุญ รักความดี”      พวกเราอยู่ที่วัด การที่เราเข้าวัดนี่ ต้องเสียสละ ทุกสิ่งทุกอย่างทางโลก จึงเข้ามาอยู่วัดได้ เมื่อเรามาอยู่วัดแล้ว ต้องพยายามทำความดี ต้องคิดว่า เสียสละทางโลก แล้วเข้ามาอยู่วัดก็เพื่อมาทำความดี ต้องทำความดีสุดชีวิตของเราทีเดียว ให้สมกับความตั้งใจของเราที่มาอยู่วัด งานทุกอย่างต้องช่วยกันทำ ช่วยกันดูช่วยกันแล อย่าละเลยหน้าที่ คิดเสียว่าเป็นงานของเรา ทั้งนั้น อย่าคอยเกี่ยงว่า ไม่ใช่หน้าที่ของเรา แล้วทำเป็นไม่สนใจ อย่างนี้ใช้ไม่ได้ ทำไปเถอะ เราทำเราก็ได้ คนอื่นเขาก็ไม่ได้ เราทำก็เป็นสมบัติติดตัวเราไป ของเหล่านี้จะติดตัวเราไปข้ามภพข้ามชาติ ยายบอกให้ เราได้จริง ๆ นะ เพราะเราทำ ทุกอย่างในวัดนี้เป็นของศาสนา เป็นของพระพุทธเจ้า เราทำอะไร ๆ ก็เป็นบุญไปหมด จะงานเล็กงานใหญ่ ก็เป็นบุญทั้งนั้น เมื่อมีงาน ก็ร่วมกันช่วยกันทำงาน เมื่อว่างงานแล้ว ก็หาเวลานั่งธรรมะให้ใจใส อ่านหนังสือบ้าง จะได้มีความรู้กว้างขวาง เวลาไปหาใคร จะคุยกับเขาได้ ได้เป็นนักปราชญ์ เป็นบัณฑิต

ประหยัดรู้จักคุณค่าของ

      การใช้เงิน ต้องรู้จักคุณค่าของเงิน ไม่ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย ไม่เป็นคนใจใหญ่ใจโต ไม่รู้จักเก็บ อย่างนี้ต้องเป็นขี้ข้าของเงินไปตลอดชีวิต ต้องรู้จักคำนึงถึงเวลาหาเงินบ้างว่า กว่าจะได้มานั้นเหนื่อยยากแค่ไหน ยายหาเงินมาให้ใช้อย่างเพียงพอ ให้อยู่อย่างสบาย หาทั้งหยาบทั้งละเอียด ต้องเข้าที่ตามสมบัติอยู่ทุกวัน ถ้าหามาแล้ว บริวารได้กินอยู่อย่างสบาย ได้สร้างบารมีสะดวก ยายก็สบายใจ ถ้าหาให้ครบตามที่กำหนดไว้เพียงพอ ก็จะได้พักหลับตาบ้าง จะได้มีความสุขในธรรมมากขึ้น แต่ถ้าหามาแล้ว บริวารเอาไปใช้ไม่คุ้มค่า อย่างนี้หาเท่าไรก็ไม่พอ ต้องเหนื่อยในการหาสมบัติไปจนตาย จะใช้เงินต้องดูอย่างยาย ใช้ให้คุ้มค่า เงินที่ยายหามาให้ใช้ ต้องใช้อย่างมีประโยชน์มากที่สุด

ใช้ของให้เป็น มีน้ำต้องใช้ให้เป็น ใช้ไม่เป็นก็เป็นขี้ข้าน้ำ มีไฟต้องใช้ให้เป็น ใช้ไม่เป็นก็เป็นขี้ข้าไฟ มีเงินต้องใช้ให้เป็น ใช้ไม่เป็นก็เป็นขี้ข้าเงิน เมื่อหามาได้แล้ว ต้องรู้จักใช้ของให้เป็น ใช้ไม่เป็นก็เป็นขี้ข้าของเหล่านั้นทั้งกะชาติ ดูแต่เวลายายจะตักน้ำ เอาน้ำไปราดส้วม ยังไม่ยอมให้น้ำหกแม้แต่หยดเดียว ดังนั้นเมื่อจะใช้ของอะไรก็ตาม ให้ดูอย่างยาย ใช้ให้เป็น จะได้ไม่ลำบาก

อดทนและเงียบ

       คนเราสร้างความดี  อย่าคิดว่าง่าย ต้องต่อสู้  ต้องอดทน และเงียบ  ยายสร้างความดี  ยายสู้  สู้ด้วยความเงียบมาตลอด  ยายใช้บุญช่วย  แล้วยายก็ชนะด้วยบุญ

เราอุตส่าห์เสียสละทุกอย่างมาแล้ว เพื่อมาสร้างบารมี มาสร้างความดี ต้องอดทน ใครจะว่าอะไรก็อดทน พยายามปรับปรุงแก้ไขตนเองให้ดี ดูอย่างยาย พยายามตรวจตราแก้ไขตัวเอง ให้เหมาะกับเหตุการณ์ ให้สร้างบารมีได้สะดวกที่สุด ภพชาตินี้เราต้องพยายามอดทน ปรับปรุงแก้ไขให้ดี ให้มีแต่สิ่งที่ดี ๆ ติดตัวไป ถ้าภพชาตินี้แก้ไขได้ ภพชาติต่อ ๆ ไปก็มีแต่ที่ดี ๆ ตลอดไป แต่ถ้าแก้ไขไม่ได้ ก็ต้องติดไปแก้ภพชาติต่อไป อย่างนี้ไม่ดี เพราะฉะนั้นต้องแก้ไขปรับปรุงตัวเองให้ดีที่สุด

เวลายายไม่พอใจใคร ยายจะนิ่งเงียบเฉย ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ไม่แสดงอะไรทั้งสิ้น ยายจะใช้ความอดทน อะไรที่พอทนได้ ยายก็จะเงียบ แต่ถ้าสิ่งใดจะทำให้เกิดความเสียหายต่อหมู่คณะส่วนรวมแล้ว ยายก็จะพูด เรื่องที่พูดจะเป็นการเป็นงาน ไม่พูดเล่น ยายไม่เคยเถียงพ่อเลย ยายใช้ความเงียบอย่างเดียว เงียบเท่านั้นที่จะชนะ

ไม่อยากเด่นอยากดัง

     ยายเป็นคนที่ไม่ทะเยอทะยาน ไม่อยากดัง ไม่อยากเด่นอย่างคนอื่น ๆ เขา เป็นนิสัยติดตัวมาอย่างนี้นานมากแล้ว มาอยู่วัดปากน้ำทำวิชชากับหลวงพ่อ ก็เป็นคนเงียบ ๆ พูดจาแต่เรื่องที่เป็นสาระ อยู่ในที่ทำวิชชาก็ไม่ค่อยพูด แต่เวลายายพูด คนอื่นก็ต้องฟังกันทั้งหมด เรื่องอื่น ๆ ไม่ยุ่งไม่เกี่ยวกับเขา แต่เรื่องวิชชาที่หลวงพ่อสั่งแล้ว ใครทำผิดก็ต้องว่ากัน อยู่ในที่ทำวิชชา ก็พูดเฉพาะเรื่องทำวิชชา นอกนั้นปกติไม่พูดอะไร ทำหน้าที่ไปเรื่อย ๆ หลวงพ่อถามคำก็พูดคำ ถามวิชชาก็ตอบเรื่องวิชชา นอกนั้นไม่ได้เสนออะไรกับท่าน มีเรื่องจึงจะพูด มีหน้าที่ตอบหลวงพ่ออย่างเดียว ยายไม่มีความทะเยอทะยานอย่างคนอื่นเขา ถ้าอยากเด่นอยากดัง ในที่สุดจะไม่ได้ดังสมอยาก เพราะบุญทำไว้ไม่พอที่จะรองรับได้ เหมือนฐานไม่ดี ก็ต้องพัง

อ่อนน้อมถ่อมตน มีความเคารพ


 เมื่อครั้งที่ท่านยังแข็งแรงอยู่ก็จะทราบว่า แม้ท่านมีคุณธรรมสูง เป็นครูบาอาจารย์ของเรา แต่เห็นใครเข้ามาวัด ท่านจะยกมือไหว้ก่อน เหตุผลประการหนึ่งที่ให้กับลูกศิษย์ไว้คือ คนที่มาวัดครั้งแรก เห็นคุณยายก็ไม่รู้เป็นใคร กลัวเขาจะได้บาปที่นึกไม่ดีกับคุณยาย ท่านก็ไหว้เขาก่อน พอคุณยายไหว้เขาก่อน การสร้างความรู้สึกคุ้นเคยก็เกิดขึ้นได้ง่าย เขามาวัดใหม่ได้รับการต้อนรับอย่างดี ก็ไม่รู้สึกเคอะเขิน แล้วครั้งต่อไปที่มาวัด เมื่อรู้จักว่าคุณยายเป็นใคร ทุกคนก็จะตั้งสติให้ดี ถ้าเห็นคุณยายทุกคนจะรีบไหว้ก่อน เพราะเกรงว่าคุณยายจะไหว้ก่อน ประเพณีการแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน จึงเกิดขึ้นเป็นประเพณีของวัดพระธรรมกายมาถึงปัจจุบัน

เจียมตัวรู้จักประมาณ

      ถึงแม้คุณยายเป็นผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย ซึ่งบางคนอาจมีภาพในใจว่า ท่านเป็นถึงผู้สร้างวัดใหญ่โต คงจะใช้ของหรู ๆ แพง ๆ แต่ที่ไหนได้ อย่างเช่น จานข้าวของคุณยาย ก็เป็นจานที่เขาแถมมากับผงซักฟอกที่ซื้อมา ซึ่งเดิมเป็นจานสีชมพู ท่านใช้จนมันเปลี่ยนเป็นสีเกือบขาว ท่านใช้มานานถึง 20 กว่าปีแล้ว คือ ใช้ตั้งแต่สมัยอยู่ที่วัดปากน้ำ จนกระทั่งย้ายมาที่วัดพระธรรมกาย ก็ยังใช้จานข้าวเดิม บางครั้งเคยจะเปลี่ยนให้ท่าน ท่านก็จะเรียกหา ว่าจานข้าวยายอยู่ไหน ซึ่งก็ต้องเอาจานข้าวใบเก่า กลับไปให้ท่านเหมือนเดิม ท่านถึงจะยอมทานข้าวกลางวัน หรือแม้แต่เบาะรองนั่งปฏิบัติธรรมของท่าน ที่ป้าเข่งเย็บถวายท่านตั้งแต่สมัยบ้านธรรมประสิทธิ์ ท่านก็ใช้อย่างทะนุถนอมเรื่อยมาจนกระทั่งท่านละสังขาร หรือแม้อย่างเก้าอี้หวาย และม้านั่งที่ท่านใช้นั่งที่กุฏิเป็นประจำ ท่านก็ใช้ตัวเดิมอยู่อย่างนั้น เรียกว่าใช้จนคุ้มค่า หรืออย่างโต๊ะทานข้าวของท่าน ก็เป็นตั่งเตี้ย ๆ ก็ไม่ได้หรูหราอะไร ซึ่งในสมัยที่ท่านแข็งแรง เวลาท่านทานข้าว ก็จะนั่งกับพื้น และเอาปิ่นโตที่ใส่อาหารออกจากเถาวางเรียงกันบนโต๊ะ แล้วก็ใช้จานข้าวสีชมพูใบเดิมของท่านตักข้าวทานอย่างเรียบง่าย

มักน้อยสันโดษ ยินดีตามปัจจัยตามมีตามได้

      พวกเราอย่าได้ทะเยอทะยาน อย่าโลภมาก ให้มีความสันโดษ มักน้อย ความโลภ ทำให้เป็นคนไม่ซื่อ คดโกง และคนไม่ซื่อนั้น ยายไม่ชอบที่สุด ถ้าโลภในสิ่งที่ไม่ดี ก็ไม่มีความสุข ให้พยายามรักษาใจให้สะอาด บริสุทธิ์มาก ๆ ถ้าเป็นบุญของเราแล้ว ต้องได้มาเอง ไม่ต้องคิดทะเยอทะยาน แต่ถ้าปรารถนาจะสร้างแต่ความดีมาก ๆ ไม่เป็นไร ให้สันโดษ มักน้อย ให้รู้จักใช้ของ

รักความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย

     คุณยายท่านสอนอุบาสกทุกคนก่อนบวช โดยเฉพาะถึงกับเป็นประเพณีและคุณสมบัติที่เรารู้กันว่า อุบาสกคนใดที่มาอยู่วัดพระธรรมกาย ถ้ายังขัดห้องน้ำไม่เป็น ขัดสุขพิมานไม่สะอาด ก็ยังไม่มีการเสนอชื่อให้บวช เรื่องทำความสะอาด  ก็ไม่เห็นมีใครมาสอน  พ่อยายก็ไม่ได้สอน  แม่ก็ไม่ได้สอน  ยายสอนตัวเอง ตั้งแต่สมัยยายเป็นเด็ก  อยู่นครชัยศรีโน้น  เวลากินข้าวแล้ว  เก็บหม้อข้าวถ้วยชามล้าง  ยายจะล้างทั้งข้าง นอกทั้งข้างใน  ล้างจนเกลี้ยงทั้งหมด เวลาถูบ้าน  ยายก็ถูให้สะอาดทั้งบนบันได  และใต้บันได  พวกพี่ ๆ  เขาก็บอกว่า  ทำไมไม่ล้างเฉพาะด้านที่ใช้เท่านั้น  หรือทำไมไม่ถูเฉพาะบนบันไดเท่านั้น ยายก็บอกว่า  “ไม่รู้เหมือนกัน  ยายก็อยากถูของยายอย่างนี้  อยากถูให้มันสะอาดให้หมด” มันสอนตัวเองให้ล้างให้สะอาด  ทั้งข้างนอกทั้งข้างใน

รักกฎระเบียบวินัยของหมู่คณะ

      เคารพกฎระเบียบวินัย เราอยู่ที่ไหนก็ตาม ต้องรู้จักกฎระเบียบวินัยของที่นั่น เมื่อรู้แล้วก็ต้องเคารพกฎระเบียบวินัยนั้น เราจะได้อยู่อย่างสบาย ทุกวันนี้ยายก็ทำตัวเป็นตัวอย่างอยู่แล้ว เมื่อยายมาอยู่วัดปากน้ำใหม่ ๆ ยายศึกษาหมดว่า กฎระเบียบของวัดเป็นอย่างไร แล้วปฏิบัติตามด้วยความเคารพตลอดมา ยายไม่เคยผิดกฎระเบียบวินัยของวัดเลยแม้เพียงข้อเดียว กฎระเบียบวินัยของหลวงพ่อวัดปากน้ำมีเท่าไร ยายปฏิบัติตามได้หมด ไม่เคยล่วงละเมิดเลย มาอยู่ในโรงงานทำวิชชา ยายก็ทำตามกฎระเบียบวินัยทุกอย่างเช่นกัน ยายจึงอยู่ได้อย่างสบายและดีที่สุดด้วย ไม่เพียงแต่สมัยหลวงพ่อวัดปากน้ำยังอยู่เท่านั้น แม้หลวงพ่อละโลกไปแล้ว ยายก็ยังเคารพกฎวินัยของวัด ไม่เคยล่วงละเมิด หรือกระทั่งปัจจุบันนี้ มาอยู่ที่ศูนย์พุทธจักรฯ ก็ปฏิบัติตามกฎระเบียบวินัยทุกอย่าง และยังพยายามส่งเสริมการทำตามกฎทุกอย่าง สิ่งไหนที่ทำได้ทำไป เพื่อรักษากฎระเบียบวินัย แม้จะเหนื่อยยากเท่าไรยายก็ทำได้ ขอเพียงแต่ให้เป็นผู้มีกฎ มีระเบียบ มีวินัยเท่านั้น เพราะฉะนั้นพวกเราต้องช่วยกันรักษากฎระเบียบวินัย ยายเหนื่อยมาก ยายแก่แล้ว ถ้าพวกเราเป็นคนเคารพกฎระเบียบวินัย แล้วคนอื่นเห็น เขาก็จะทำตาม เรื่องเดือดร้อนก็จะไม่มี ต้องช่วยกันแบ่งเบาภาระ จะได้นำความสุขมาให้แก่ส่วนรวมได้ และเป็นประโยชน์ที่ทุกคนจะได้รับ

รักการประพฤติพรหมจรรย์

      ให้ยกใจของเราให้สูงขึ้น แล้วเราจะเห็นว่า กาม เป็นทุกข์ ชาวโลกเขามองไม่เห็นกัน ถ้าเราหัดยกใจเราให้เหนือธรรมดา ยกใจออกจากกาม ก็จะเห็นชัดว่า กามเป็นของต่ำ เป็นสิ่งที่พาให้ต่ำ จะมองเห็นชัด เหมือนมองจากที่สูง ชาวโลกเขาอยู่ด้วยกัน อยู่ระดับเดียวกัน เขาถึงมองไม่เห็น ให้เราอธิษฐานอีกว่า เรื่องกามนี้ แม้เพียงจะรู้ จะเห็น จะได้ยินใครมาคุยด้วย ก็อย่าให้มีเลย ให้สะอาดบริสุทธิ์จริง ๆ ยายดูในอดีต ดูหยาบ ดูละเอียด ดูย้อนหมดว่า สะอาดไหม ก็เห็นว่านับอสงไขยชาติมานั้นสะอาดหมด ดูในปัจจุบันตั้งแต่เด็ก เกิดมาเป็นผู้หญิง ก็ไม่เคยมีสิ่งนี้ในใจเลย ไม่เคยคิดรักใครเลย ยายภูมิใจในเรื่องนี้มาก เคยมีคนมาเกี้ยว ยายก็ไม่พูดด้วย ถ้าต้องพูดด้วยก็แบบ สามวาสองศอก จนมาเข้าวัด ยายมองเห็นว่า บริสุทธิ์มาก จึงอธิษฐานว่า อย่าได้เจออย่างนี้อีก และยายก็เห็นต่อไปว่า จะไม่เจออีกแน่นอน เราจะต้องอธิษฐานทุกเช้า ทุกวัน จะได้ยกใจสูงขึ้น มีความคิดออกจากสิ่งเหล่านี้ ให้หัดทำไว้ จะได้สิ่งดี ๆ ติดตัวไป ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็อธิษฐานติดไปด้วย ยิ่งจรดใจเข้าไป ก็ยิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งรับรู้เข้าไป ยิ่งอธิษฐาน บุญก็ยิ่งมากขึ้น ยิ่งทำให้เป็นตามที่อธิษฐานนั้น ๆ